สมัยเมื่อเรียนจบใหม่ๆ ปี 2532 ได้สมัครงานเข้าไปทำงานกับโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีซึ่งมาเปิดโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง (สมัยนั้นนิคมฯ ชื่อว่า BIP-1 และยังไม่มีนิคมอมตะนคร) โรงงานที่ผมเข้าไปทำเพิ่งเปิดใหม่จำได้ว่ายังไม่ถึงปี (เปิดปี 2531) ตอนผมเข้าไปทำผมเป็นช่างอิเล็กทรอนิกส์คนแรกของโรงงาน (ก่อนผมมีแต่ช่างไฟฟ้าและช่างอื่นๆ ไม่น่าเกิน 3-4 คนได้)


ผลิตภันฑ์ที่โรงงานผลิตเป็นอุปกรณ์สื่อสารหลากหลายประเภท แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็นหลายหมวด และหากนับแยกย่อยเป็น Model ต่างๆ จนถึงปัจจุบันน่าจะมีกว่า 100 model แต่ ณ เวลานั้นซึ่งเพิ่งเปิดโรงงานเริ่มแรก สินค้าที่โรงงานผลิตจะเป็นเฉพาะเครื่องรับโทรศัพท์ซึ่งส่งไปขายประเทศ USA และก่อนหน้าผมมีการผลิตแค่ 2 Model คือ GTE-2500 และ GTE-2554 แต่คนทำงานในโรงงานมักจะมีการตั้งชื่อเรียกเจ้าโทรศัพท์ทั้งสองรุ่นนี้ว่ารุ่น “รถถัง”(GTE-2500) และรุ่น “เขาควาย” (GTE-2554) การตั้งชื่อก็เพื่อให้ดูตลกและง่ายต่อการสื่อสาร

ตอนที่ผมไปรับการสัมภาษณ์งาน วิศวกรได้นำเจ้าโทรศัพท์รุ่นรถถัง มาให้ถอดรื้อออก แล้วให้ผมประกอบกับเข้าไปใหม่ซึ่งดูเหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายนัก เพราะโทรศัพท์สมัยนั้นประกอบด้วยสายไฟน่าจะเกือบๆ หรือเกิน 20 เส้นได้ โดยจะมีบอร์ดแผงวงจรอยู่ 2 บอร์ด ในการประกอบส่วนต่างๆ ของโทรศัพท์เข้าด้วยกันจะต้องนำสายไฟต่างๆ จากแผง Dial board, Bell, Modular Jack ซึ่งปลายของสายไฟเป็น Y-Terminal มาเสียบเข้ากับ Housing Terminal ซึ่งอยู่บนแผง Main board หากคุณไม่ใช่พนักงานที่ทำงานในไลน์ผลิตก็ไม่สามารถทำได้หากไม่มีใบงานเพื่อดูวิธีการเสียบสาย สิ่งที่ยากสำหรับผมตอนนั้นคือวิศวกรต้องการทดสอบความสามารถในการอ่าน Wiring diagram ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แล้วให้ผมเสียบต่อสายประกอบเป็นเครื่องโทรศัพท์ให้สมบูรณ์ใช้งานได้

พอได้เข้าไปทำงาน ตอนนั้นโรงงานมีไลน์สายพานผลิตเพียงแค่ 2 ไลน์ แต่ละไลน์สายพานยาวเกือบๆ 30 เมตรได้ และกำลังมีการตั้งไลน์สายพานผลิตใหม่อีกไลน์หนึ่งสำหรับผลิตโทรศัพท์รุ่นใหม่ ซึ่งโทรศัพท์รุ่นนี้ชื่อรุ่นว่า GTE-2384 และต่อมาก็มีการตั้งชื่อให้กับมันว่าโทรศัพท์รุ่น “โกเต๊ก” และทำไมต้องชื่อว่า “โกเต๊ก”ก็ดูจากภาพและจินตนาการเอาเองนะครับ 55+