"Skills, Knowledge, Abilities, and Experiences

are only useful....

If you are at the right place "

“ปีศาจวสันต์” เพลงวันวานกับความทรงจำ

สุนทราภรณ์

ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้เป็นปี พ.ศ. 2530 ตอนที่กำลังเรียนชั้น ปวส.1 อยู่ ปกติด้วยเป็นคนที่ชอบนอนดึกเที่ยงคืนตีหนึ่งอยู่แล้วเพราะชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงจากรายการวิทยุ สมัยนั้นรายการวิทยุรายการหนึ่งที่ผมชื่นชอบมากชื่อ “เพลงไทยคุณขอมา” ของดีเจ ศิริชัย เลิศวิริยะชัย น่าจะอยู่ที่คลื่น FM93Mz เวลาของการจัดรายการแบ่งเป็นหลายช่วงตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเที่ยงคืนได้ ซึ่งจะเปิดเพลงวัยรุ่นของยุคนั้น แต่หลังจากจบรายการนั้นแล้ว (ประมาณเที่ยงคืนไปแล้ว) ก็จะมีรายการของนักจัดอีกท่านหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้ เพลงที่เปิดจะเป็นเพลงเก่าๆ สมัยสุนทราภรณ์หรือเรียกว่าเพลงรุ่นยุคของพ่อแม่ที่เขาฟังกัน (จริงๆ ผมก็ไม่เคยได้ยินพ่อแม่ฟังเพลงสุนทราภรณ์เลยนะครับ ที่เคยจะพอได้ยินก็น่าจะของผ่องศรี ซึ่งอยู่ในกลุ่มเพลงลูกทุ่งซะมากกว่า) รายการนี้ผู้จัดจะเปิดเพลงเก่าต้นฉบับให้ฟังแทบทั้งหมด จริงๆ ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้ชอบเพลงเก่าเท่าไหร่นัก ถ้าจะชอบก็ชอบตรงความละเมียดละไมของเนื้อร้อง  แต่การเรียบเรียงเสียงดนตรีที่ใช้บรรเลงฟังดูไม่ทันสมัยเท่าไหร่เมื่อเทียบกับยุคสมัยของเพลง ณ เวลานั้น ปกติผมก็จะนอนฟังแบบเคลิ้มๆ หลับๆ ตื่นๆ ไปในช่วงเวลานั้น และคืนวันหนึ่งที่กำลังนอนเคลิ้มอยู่นั้นได้ยินเสียงเพลงเพลงหนึ่งซึ่งเป็นเพลงเก่าที่มีการเอามาทำดนตรีใหม่ด้วยนักร้องใหม่ที่ไม่รู้จักมาก่อน ผมไม่ทันได้ยินที่ผู้จัดรายการประกาศว่าเพลงนี้ชื่อเพลงอะไรและร้องโดยนักร้องหรือวงดนตรีใด แต่ก็จำความไพเราะของเพลงได้จับใจ พอรุ่งเช้าวันต่อมาหลังจากที่ไปเรียนหนังสือจนเลิกเรียนแล้วผมรีบเดินไปร้านแผงขายเทปเพลงที่ตลาดๆ ใกล้ๆ กับโรงเรียน จะถามคนขายก็ถามไม่ถูกว่าต้องการเทปเพลงของนักร้องคนไหนหรือวงดนตรีใด ก็ได้แต่ไล่มองแสกนหน้าปกของตลับเทปบนแผงไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดปกเทปที่เขียนว่า “เยื่อไม้ 1” เห็นแค่นี้ก็รู้เลยว่าเพลงที่ต้องการต้องอยู่ในม้วนนี้แน่นอน หยิบมันขึ้นมาดูแล้วไล่ดูรายชื่อเพลง ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าเพลงที่ต้องการนั้นมีชื่อเพลงว่าอะไร แต่ก็ไล่อ่านไปจนสะดุดกับชื่อเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า “ปีศาจวสันต์” จึงมั่นใจว่าใช่เลยมันต้องเป็นเทปม้วนนี้แน่ หลังจากได้นำกลับมาเปิดฟังที่บ้าน ก็เป็นไปตามที่คิดไว้ […]

ขนมทำบุญ

ขนมทำบุญ

พอดีเมื่อปีก่อนที่บ้านทำบุญบ้านแล้วเห็นเขาวางเรียงซ้อนถาดขนมไว้แล้วดูสวยดีเลยถ่ายเก็บไว้ดูเล่นเพราะนึกถึงตอนเด็กๆ ที่มีส่วนร่วมในขั้นตอนการทำขนมไทยๆ พวกนี้ สมัยนี้เวลาทำบุญผมไม่ค่อยเห็นแล้วว่าบ้านงานหรือเจ้าภาพจะทำขนมเอง ส่วนมากจะซื้อสำเร็จรูปเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่บ้านผมเองยังทำเองบ้างบางรายการและซื้อสำเร็จรูปบ้างจากตลาด แต่นึกถึงตอนเป็นเด็กๆ ไม่ว่าที่บ้านหรือบ้านยายและละแวกบ้านเวลามีงานบุญผมเป็นเด็กๆ ก็จะได้ไปวิ่งเล่นในงาน สมัยก่อนหากเป็นงานใหญ่ๆ เช่นงานแต่งงานเขาจะมีการเตรียมงานกันหลายวัน เช่นจะได้ยินเขาพูดกันว่า วันงาน วันแห่ วันสุกดิบ ผมก็เรียงวันไม่ถูกว่าวันไหนเป็นวันไหน แต่ก็เข้าใจว่าวันงานจริงคือวันสุดท้ายที่มีแขกเหรื่อมางานเยอะๆ และมีการแห่มาของเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวด้วย ส่วนวันก่อนวันงานก็จะเรียกกันว่าวันสุกดิบซึ่งผมไม่เข้าใจเท่าไรว่าวันสุกดิบนั้นต้องมีกี่วัน แต่เท่าที่เข้าใจผมเข้าใจว่าวันก่อนวันงานจริงน่าจะเรียกว่าวันสุกดิบ ซึ่งเป็นวันที่การปรุงอาหารหวานคาวต้องเสร็จสิ้นและเริ่มนำออกเลี้ยงแขกเหรื่อญาติสนิทที่มาในงาน (ตอนเย็นและกลางคืน) แต่ในความเป็นจริงการเตรียมอาหารหวานคาวจะใช้เวลาไม่เท่ากัน อาหารคาวอยู่ได้ไม่นานจึงต้องทำทีหลังขนมหวาน ขนมหวานเก็บไว้ได้นานจึงมักจะทำล่วงหน้าก่อนสองถึงสามวันก่อนจะถึงวันงานจริง เช่นหากงานมี 4 วัน (ไม่นับวันก่อนหน้านี้อีกที่ต้องมีการเตรียมวัตถุดิบต่างๆ) วันแรกสุดจะเริ่มทำการกวนข้าวเหนียวแดง ซึ่งเป็นขนมที่จะใช้เลี้ยงแขกหรือญาติๆ ที่มาช่วยการเตรียมงาน วันที่สองจะเริ่มทำพวกขนมหวานต่างๆ เช่น ทองหยอด เม็ดขนุน ฝอยทอง ขนมหม้อแกง ซึ่งเก็บไว้ได้นาน ส่วนวันที่สามจะทำพวกสังขยา และวุ้น รวมทั้งเริ่มปรุงอาหารคาว (แกงต่างๆ) ในวันที่สามนี้ด้วย ตอนเด็กผู้ใหญ่มักใช้ให้เป็นลูกมือช่วยทำขนม เด็กๆ หลายๆ คนจะถูกเกณฑ์ให้มานั่งปั้นเม็ดขนุน (ถั่วเขียวซีกที่กวนแล้ว) เป็นที่สนุกสนานเพราะปั้นไปก็แอบหยิบใส่ปากไปด้วย5+ ผมเองได้เคยทำหลายหย่าง เช่นการช่วยแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว เพื่อเอาไข่แดงไปทำทองหยอดและฝอยทอง ส่วนไข่ขาวก็จะเอาไปทำสังขยาในวันถัดไป (เข้าใจว่าสังขยาเสีย(บูด)ง่ายเลยต้องเก็บไว้ทำทีหลัง) […]

ออฟฟิตจากตู้คอนเทนเนอร์

Container Office

ปกติเวลาผ่านไปเจองานอาคารสถานที่ที่ออกแบบได้ถูกใจก็มักจะถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วมีครั้งนึงได้ไปธุระที่สรรพากรแถวสวนสยาม ตัวอาคารหลักของสรรพากรก็เป็นตึกธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ได้เดินไปด้านหลังอาคารเพื่อผ่านไปลานจอดรถ ได้เห็นเขาเอาตู้คอนเทนเนอร์มาสร้างเป็นเหมือนออฟฟิตหลบไว้ด้านหลังอาคาร (แต่มองเข้าไปข้างในลึกๆ เหมือนจะเป็นที่เก็บเอกสารมากกว่า) ปกติที่เคยเห็นที่อื่นๆ ก็มักจะเอามาทำดัดแปลงเป็นพวกออฟฟิตก่อสร้างชั่วคราว หรือร้านอาหารเก๋ๆ ซึ่งที่เจอๆ มาก็จำเจปกติทั่วไป แต่ไม่เคยเห็นของจริงที่เขาเอามาต่อเป็นสามชั้นและออกแบบส่วนประกอบเช่นพวกหลังคา บันได ชานระเบียง และลิฟภายนอกอาคารซึ่งออกแบบได้ผสมกลมกลืนกันดีมาก  

“อุษาสวาท” เพลงวันวานกับความทรงจำ

สุนทราภรณ์

ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกจำได้ว่าน่าจะตอนเรียนอยู่มัธยมต้น ช่วงปี 2524-2526 ตอนนั้นยังเด็กนักและยังไม่ได้หลงไหลไปกับการฟังเพลงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเพลงนี้มันอยู่ในความทรงจำมาตลอด และก็ไม่แน่ใจว่าหลังจากนั้นได้มีผู้อื่นนำมาขับร้องอีกหรือไม่ และจากการค้นหาประวัติเพลงทำให้ทราบว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ครู สุรัฐ พุกกะเวส ตั้งใจแต่งให้คุณ อุษา พุกกะเวส ภรรยา และเมื่อครูเอื้อ ได้แต่งทำนองแล้วนำมาขับร้องก็ทำให้เพลงนี้โด่งดังมาก สถานีวิทยุแทบทุกแห่งเปิดรายการตอนเช้าด้วยเพลงนี้อยู่นานหลายเดือน ผมคิดว่าในยุคนั้นเพลงสุนทราภรณ์ไม่ได้เป็นที่นิยมที่สุด เท่าที่ผมเห็นคนรุ่นพ่อแม่และน้าอาเขาฟังกัน น่าจะเป็นเพลงของศิลปินเดี่ยวเช่น สุเทพ วงศ์กำแหง, ดาวใจ ไพจิตร, รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส, ธานินทร์ อินทรเทพ และอีกมากมาย แต่เพลงวัยรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมน่าจะเป็นกลุ่มวงดนตรี เช่น ดิอิมพอสสิเบิ้ล, ฮอทเปปเปอร์, ดอกไม้ป่า, พิ้งแพนเตอร์, แกรนเอ็กซ์ และอีกมากมาย ผมยังไม่ได้รู็จักวงดนตรีเหล่านี้เท่าไหร่ แต่ก็เริ่มๆ คุ้นๆ หูกับเพลงดังๆ หลายๆ เพลง ลองฟังเวอร์ชั่นที่คุณแจ้ ร้องกันดูนะครับ (ขอขอบคุณข้อมูลรูปภาพและบทความบางส่วนจากหนังสือ ตำนานความเป็นมาของสุนทราภรณ์)

ประกวดวงโยธวาทิตจากอดีตถึงปัจจุบัน

วงโยธวาทิต

การประกวดวงโยธวาทิตจากอดีตถึงปัจจุบันจากมุมมองของคนวงนอก ไม่รู้ว่าในที่นี้มีใครรู้จัก เคยดูหรือมีส่วนร่วมกับกิจกรรมวงโยธวาทิตกันบ้างหรือไม่? ผมเป็นคนนึงที่ชอบดูประกวดวงโยธวาทิตเป็นชีวิตจิตใจ เรียกว่าได้ว่า วงโยธวาทิต มันฝังอยู่ในปฎิทินสมองของผมไปแล้ว หากจำไม่ผิดการประกวดวงโยธวาทิตเริ่มมีมาครั้งแรกน่าจะ พ.ศ. 2524 ซึ่งตอนนั้นผมน่าจะกำลังเรียนอยู่ ม.1 รร. แถวๆบางกะปิ ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างเป็นบ้านนอกของ กทม.ในสมัยนั้น (วัดจากที่ยังนั่งรถเมล์ไปไหนมาไหนในเมืองไม่เป็น นั่งรถเมล์จากบ้านแถวสวนสยามไปกลับโรงเรียนเป็นแค่นั้น) ไม่เคยมีส่วนร่วมในกิจกรรมวงโยธวาทิตของโรงเรียน เพราะเป็นเด็กกลุ่มโหล่ๆ ที่ถูกจัดให้เรียนทางด้านสายอุตสาหกรรม แต่ก็เคยมีแอบเดินๆ ไปดูเด็กที่เขาเรียนกลุ่มสายไหนไม่รู้เหมือนกัน ที่เขาจะได้เรียนเล่นเครื่องดนตรี เวลาเขามีการซ้อมเครื่องดนตรีของวงโยธวาทิต ก็จะไปยืนๆ ข้างๆ ห้องซ้อม มองดูเขาเล่นกัน (แอบคิดในใจแบบเด็กๆ ว่าทำไมตรูไม่ได้เรียนอย่างเขาบ้างวะ5+) และจะเห็นเด็กนักเรียนกลุ่มนี้เล่นวงโยออกงานก็เฉพาะเวลามีงานกีฬาสีของโรงเรียน (วงเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร) อ่อ ลืมบอกไปโรงเรียนมัธยมที่ผมเรียนเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงพอสมควรในยุคนั้น แต่ไม่ใช่ด้านวิชาการเป็นหลักอย่างเดียวเขาเด่นดังทางด้านเรื่องกีฬาเป็นพิเศษ ประการต่อมาคือ ถึงแม้ว่าผมจะเรียนจบมาจนได้มาทำงานแล้วก็ตาม ผมก็ไม่ได้มีลูกหลาน, ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงที่ทำให้ต้องไปมีกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นวงโยธวาทิตเลย ดังนั้นสิ่งที่ผมจะเขียนต่อๆ ไป เป็นความคิดในฐานะของคนวงนอก หรือคนนอกวงการที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แต่เป็นความคิดเห็นต่อวงการที่ได้ติดตามมากว่า 40 ปี จุดที่ทำให้ผมสนใจวงโยคือ ช่วงตอนยังเรียนมัธยมต้นผมได้มีโอกาสดูการถ่ายทอดสดการเล่นวงโยธวาทิตออกอากาศทางทีวีช่อง 5 สมัยนั้นจำได้ว่าคนที่เป็นพิธีกรชื่อคุณ ประพัทธ์ […]

ม้วนเทปจิ๋วเก่าจากกรุ

Micro Casset Tape

ค้นกรุเก่าๆ ที่เก็บของกระจุกกระจิกที่ไม่ได้ใชงานออกมาสังคายนาเจอม้วนเทปเก่าๆ เลยเอามาลงให้ดูเล่นครับ ม้วนเทปคาสเซ็ทที่เห็นในรูปไม่ใช่ขนาดมาตรฐานทั่วไปที่ใช้กันในท้องตลาดชาติที่แล้ว แต่มันเป็นขนาดที่เรียกว่า Micro Cassette มีใช้กับพวกอุปกรณ์เครื่องเล่นชนิดพิเศษ เทปม้วนนี้ผมเก็บมาจากกองขยะของโรงงานสมัยทำงานเป็นช่างอยู่โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตอุปกรณ์เครื่องรับโทรศัพท์และตู้ชุมสาย (PABX) ม้วนเทปพวกนี้เอาไว้ใช้สำหรับบันทึกเสียงของเครื่องตอบรับโทรศัพท์สมัยก่อน (ก่อนที่จะวิวัฒนาการเปลี่ยนไปเป็นระบบการบันทึกเสียงลงบนตัว IC Memory Chip) การทำงานของเครื่องตอบรับโทรศัพท์สมัยก่อน จะควบคุมด้วย Micro-controller ซึ่งถือว่าล้ำสมัยเมื่อเทียบกับวงจรของเครื่องโทรศัพท์ธรรมดาที่ถูกออกแบบด้วย IC ที่มีฟังชั่นการทำงานเฉพาะเช่น Dialer IC, Speech IC แต่สิ่งหนึ่งที่ความสามารถของการออกแบบวงจรและศักยภาพของ Chip MCU ยังทำไม่ได้ (หรือทำได้แต่อาจทำให้ต้นทุนการผลิตและขายสูงจนเกินไป) จึงใช้วิธีการบันทึกเสียงเป็น Analog ลงบนเส้นเทปแม่เหล็กโดยตรง ซึ่งทำให้มีข้อด้อยทางด้านเทคนิคหลายอย่างเช่น ปัจจุบันคงไม่มีม้วนเทปคาสเซ็ทแบบนี้ให้เห็นในเครื่องใช้ต่างๆ ในท้องตลาดอีกแล้ว เพราะเปลี่ยนไปใช้หน่วยความจำที่เป็น Chip IC แทนกันหมด และจริงๆ เครื่องโทรศัพท์ตามบ้านที่บันทึกเสียงฝากข้อความได้ก็ไม่ค่อยเห็นมีวางขายกันเท่าไหร่ เพราะระบบฝากข้อความได้ถูกเอาไปเป็น Feature หนึ่งของระบบมือถือไปแล้วด้วยเช่นกัน

อีสานตะลอนทัวร์ #1

อีสานตะลอนทัวร์

เมื่อปี 2561 ได้มีโอกาส (จะเรียกว่าโอกาสหรือโดนสั่งดีหว่า 5+) ให้ไปติดต่อเพื่อหาเด็กนักศึกษาตามวิทยาลัยอาชีวะมาฝึกงานกับทางโรงงาน เนื่องจากตอนนั้นโรงงานเพิ่งเปิดได้เป็นปีที่ 2 ยังมีคนงานไม่มากและระบบยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่กลับมีออเดอร์ที่รอการผลิตเป็นจำนวนมาก การสรรหาพนักงานปกติเข้ามาทำงานก็ไม่ง่ายนัก เพราะไม่ใช่ฤดูที่คนงานมักเปลี่ยนงานกัน แต่ที่สำคัญสุดๆๆๆๆๆ ก็ด้วยนโยบายของเจ้าของที่ต้องการสร้างบุคลากรในอนาคตที่มีคุณวุฒิ และมีทักษะตรงกับผลิตภัณฑ์ที่โรงงานผลิต และสร้างการรับรู้ถึงการมีตัวตนของโรงงานให้เป็นที่รู้จักต่อสถาบันการศึกษาและเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ผมถูกสั่งให้เดินทางด่วน (สไตล์การทำงานของเจ้านายผมคือ “จงทำทันดีเมื่อฉันสั่ง”55+) เพื่อไปหานักศึกษาฝึกงานทางภาคอีสาน ที่ต้องเป็นทางภาคอีสานเพราะเจ้านายรู้มาว่าคนทางภาคอีสานนิยมไปทำงานที่เกาหลี และคนเหล่านี้มีความขยันเป็นพิเศษ ผมมีเวลาเตรียมตัวหนึ่งอาทิตย์ ตั้งแต่เริ่มต้นค้นหาข้อมูลใน Internet ว่าวิทยาลัยเทคนิคทางภาคอีสานท้้งหมดมีกี่แห่งและแต่ละแห่งเปิดสอนสาขาใดบ้าง และตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง จำได้ว่าผมหามาได้ไม่ต่ำกว่า 60 แห่ง หลังจากคัดกรองแล้วเหลือประมาณ 40 แห่งที่ผมตั้งใจจะไปเยือน จากนั้นผมต้องร่างโครงการออกมาเป็นแผนงานว่าต้องเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เดินทางวันไหน พักที่ไหน แวะที่ไหน สิ่งที่ต้องเตรียม (เอกสารเช่น จดหมายแนะตัว เอกสารแนะนำบริษัทฯ และอื่นๆ) เบ็ดเสร็จต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และยื่นขออนุมัติจากผู้บริหาร การเดินทางทริปแรกใช้เวลาสองอาทิตย์ (ทีแรกตั้งเป้าไว้หนึ่งอาทิตย์ก่อน แล้วค่อยขยายเวลาเป็นสองอาทิตย์ต่อมา) เริ่มพบปะกับวิทยาลัยเทคนิคจังหวัดโคราชเป็นจังหวัดแรก แล้วก็ล่องขึ้นไปทางขอนแก่น อุดร หนองคาย แล้วก็เลาะวนขวาลงมาเรื่อยๆ จนจบจังหวัดสุดท้ายที่บุรีรัมย์ สิ่งที่ได้จากการไปพูดคุยทำความรู้จักกับบรรดาวิทยาลัยเทคนิคต่างๆ ในคราวนี้คือเพียงแค่ได้ทำความรู้จักแต่ไม่ได้นักศึกษามาฝึกงานเลยสักคน55+ […]

Get in Touch !