"Skills, Knowledge, Abilities, and Experiences

are only useful....

If you are at the right place "

เขียนโปรแกรมอ่านค่า Keyboard ด้วย MCS-51

สมัยทำงานอยู่โรงงานอิเล็กโทรนิกส์แห่งหนึ่ง(เมื่อชาติที่แล้ว5+) หน้าที่หลักๆ คือควบคุมกระบวนการผลิตตั้งแต่รับวัตถุดิบเข้าโรงงานยันส่งออก งานหลักๆ ส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบก็คือการแก้ปัญหาของเสียของผลิตภันณ์ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต (พูดให้ชัดก็คือเป็นช่างซ่อมแผงวงจรว่างั้นเถอะ5+) สาเหตุของของเสียที่เกิดขึ้นจะถูกนำไปแจกแจงกระทบเข้ากับตัวเลขสรุปของไลน์การผลิตแล้วนำเสนอเป็นรายงานต่อไป ในแต่ละกระบวนการผลิตจะมีการเก็บข้อมูล เช่นจำนวนที่ผลิตได้ในแต่ละชั่วโมง จำนวนของดีและของเสียที่เกิดขึ้น ข้อมูลทั้งหลายจะถูกบันทึกลงในใบบันทึกหรือที่มักเรียกกันว่าใบเช็คชีต (Check sheet) หลังจากนั้นข้อมูลเหล่านี้ก็จะมีหัวหน้างานในแต่ละส่วนนำไปสรุปผลเพื่อทำรายงานและนำไปนำเสนอในการประชุมผลผลิตประจำสัปดาห์ต่อไป ในส่วนความรับผิดชอบของผมคือการนำข้อมูลของเสียต่างๆ มาวิเคราะห์หาสาเหตุว่าของเสียเหล่านั้นเกิดจากกระบวนการผลิต หรือว่าเกิดจากวัตถุดิบที่ไม่ได้คุณภาพ หรืออาจจะเกิดจากการออกแบบของตัวผลิตภันณ์เองที่ไม่ดีพอ แล้วนำรายงานเหล่านี้ไปรายงานในที่ประชุม ผลของข้อมูลจากการนำเสนอของแต่ละฝ่ายจะได้รับทั้งคำด่าและคำชมเชยจากผู้บริหาร (จริงๆไม่ค่อยได้ยินคำชมนะ ส่วนมากจะโดนด่าเสียส่วนใหญ่5+) แต่ผมก็โชคดีกว่าแผนกอื่นๆ หน่อยที่แทบจะไม่เคยโดนผู้บริหารตำหนิ เพราะงานของผมเป็นเหมือนการวิเคราะห์หาสาเหตุมากกว่า แล้วรายงานให้ผู้บริหารทราบว่าใครเป็นผู้กระทำผิด สิ่งที่น่าเบื่อของการทำงานอย่างหนึ่งก็คือทุกๆ เช้าเมื่อเริ่มงานต้องรีบไปเก็บใบเช็คชีตจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาสรุปซึ่งเสียเวลามาก และโดยเฉพาะยิ่งวันไหนมันตรงกับวันที่จะต้องเอาข้อมูลสรุปเข้าห้องประชุมตอน 10 โมงเช้า เช้านั้นแทบจะไม่ต้องทำไรกัน หัวหน้าแต่ละส่วนจะสาละวนจนตัวสั่นกับการเตรียมตัวขึ้นเขียง สมัยนั้นในโรงงานไม่ได้มีระบบ Visual Control แบบไฮเทคอะไรทั้งนั้นนะครับ อย่างเช่นพวกป้ายไฟ หรือจอมอนิเตอร์ที่จะคอยรายงานว่า ณ.เวลานี้ผลิตชิ้นงานไปแล้วได้กี่ชิ้น, เป้าหมายเท่าไหร่, มีของเสียเกิดขึ้นเท่าไหร่ หรือข้อมูลอื่นๆ ทุกอย่างถูกบันทึกด้วยมือหมดครับ จะดีหน่อยก็อาจจะมีตัวกดมือ(Counter) แล้วก็คอยดูนาฬิกาว่าเมื่อครบ ชม.แล้วก็นำตัวเลขที่่อ่านได้จาก counter มาบันทึกลงกระดาษเช็คชีตอีกทีหนึ่ง แต่ก็เคยไปดูงานที่โรงงานของบริษัทแม่ที่ต่างประเทศ โรงงานที่โน่นเขามีระบบ Visual Control หลายๆ อย่างที่ไฮเทค […]

When I had to explain to bank, why I need to borrow 35 million?

ฺีBudgeting plan

ครั้งหนึ่งที่ต้องทำหน้าที่ติดต่อกู้เงินให้กับบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งที่มาทำธุรกิจในไทย สิ่งที่ดูจะเป็นเรื่องโคตรยากเมื่อไปพบปะพูดคุยกับธนาคารต่างๆ ก็คือการที่บริษัทเพิ่งจัดตั้งมาแค่หนึ่งปี และยังไม่มีรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ คือมีเพียงงบการเงินเพียง 2 ปี (จริงๆ ควรนับว่ามีงบปีเดียว เพราะปีแรกที่ก่อตั้งไม่มีบันทึก Transection ใดๆ เกิดขึ้นเลย) งบการเงินที่เอาไปให้ธนาคารดูคร่าวๆ ณ ตอนนั้น บริษัทมีรายได้แค่หลักไม่กี่แสนบาทของการดำเนินธุรกิจของปีที่สอง ผมจำได้ว่าได้พบปะพูดคุยกับธนาคารไม่ต่ำกว่า 5-6 แห่ง (บางธนาคารคุยกับฝ่ายสินเชื่อของต่างสาขากัน) บางธนาคารให้ข้อเสนอว่าอาจจะให้เงินกู้ได้สัก 10-15 ล้านบาทแต่ก็มีข้อแม้ว่าต้องนำเงินสดวางค้ำประกันเท่ากับจำนวนเงินกู้ไว้กับธนาคาร ซึ่งผมเองก็งงๆ ว่าหากต้องทำอย่างนั้นแล้วผมจะต้องไปขอกู้ให้เสียดอกเบี้ยไปเพื่ออะไร เจ้าหน้าที่ธนาคารให้เหตุผลฟังดูเหมือนจะเข้าใจแต่แล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี5+ บางธนาคารก็เปรยๆ ว่าจะยอมปล่อยเงินกู้ให้ แต่ก็น้อยมากประมาณแค่สัก 50% ของจำนวนเงินสินเชื่อที่ต้องการ (ตอนนั้นต้องการอย่างน้อย 30-35 ล้านบาท) โชคดีที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งหนึ่งซึ่งให้แนวทางมาสองข้อคือ ผมไม่เคยเขียนแผนธุรกิจมาก่อน แต่ก็โชคดีที่เคยศึกษามาบ้างด้วยเพราะเป็นคนชอบอ่านและสะสมหนังสือทางด้านธุรกิจ เลยพอที่จะมีแผนที่นำทางว่าต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้างที่ธนาคารต้องการ ผมนำข้อมูลผลประกอบการย้อนหลัง (งบการเงิน) ของบริษัทแม่ในต่างประเทศ, แผนการตลาดของฝ่าย Marketing, ข้อมูลด้านการผลิต และลักษณะโดยรวมของธุรกิจของบริษัทอย่างคร่าวๆ จากผู้บริหาร แล้วนำมาเรียบเรียงเขียนแผนธุรกิจของบริษัทซึ่งมีความหนาสักสิบกว่าหน้าได้ เพื่อนำไปพรีเซ้นต์ให้กับทีมเจ้าหน้าที่ธนาคารฟังและนำไปพิจารณา มีข้อมูลหลายส่วนในแผนธุรกิจที่ต้องอธิบายให้ธนาคารเข้าใจ และหน้าที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดที่ผมตัดมานำเสนอให้ดู (จากรูปที่แสดง เป็นตัวเลขที่ปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมในการทำความเข้าใจ) ตารางหน้านี้จะทำหน้าที่อธิบายว่าบริษัทต้องการเงินลงทุนทั้งหมดเท่าใด เงินลงทุนนั้นๆ […]

Get in Touch !