เครื่องโทรศัพท์ทรงนี้อยู่ในตระกูล 26XX Series (Model เริ่มตั้งแต่ 2601, 2602, 2603, 2604, 2605 และ 2606) เป็น Series ที่ผลิตเพื่อส่งออกไปยัง USA โดยเฉพาะ (เกือบทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและส่งไปขายยัง USA ถึงแม้รูปทรงภายนอกดูออกจะเชยๆ แต่ขอบอกว่ามันโคตรถึกทน) รูปทรงภายนอกจะดูเหมือนกันหมด ต่างกันตรงที่จะมีปุ่ม Feature ต่างๆ เพิ่มเติมแตกต่างกันไปในแต่ละ Model และส่วนแผงวงจรที่อยู่ภายในก็จะแตกต่างกันออกไป (อาจมีบาง Model ที่ใช้แผงวงจรร่วมแต่ใส่อุปกรณ์มากน้อยแตกต่างกันตาม Feature ของ Model นั้นๆ) เครื่องโทรศัพท์ Series นี้เริ่มผลิตครั้งแรกประมาณก่อนปี 2535 และก็เลิกผลิตไปเมื่อเปลี่ยน Series มาเป็น 27XX และ 28XX
สำหรับ Model 2606 (รุปที่แสดงเป็นรุ่นเทียบเคียงที่ต่ำกว่า รูปจริงยังหาไม่เจอ หากเจอแล้วจะนำมาลงให้ดูภายหลัง) เป็นรุ่นสูงสุดของ Series ที่จัดเต็มเรื่องของ Feature เรียกได้ว่าไม่น่าจะขาดลูกเล่นใดๆ ที่โทรศัพท์ยุคนั้นควรมีแล้ว และจุดที่เด่นที่สุดของมันคือ Model นี้สามารถเสียบ Line (สายนอก) ได้สองคู่สายพร้อมกัน และสามารถทำ Conference เพื่อรวมทั้ง 2 Line เข้าด้วยกันได้ แต่ๆๆๆๆ
แต่อะไรนะเหรอครับ คุณรู้หรือไม่ว่าเครื่องโทรศัพท์รุ่นนี้เป็นรุ่นที่โคตร Complicate มาก เพราะมันถูกออกแบบด้วยวงจรพื้นฐานต่างๆ ยิบย่อยเต็มไปหมด ความหมายที่ว่ายิบย่อยของมันก็คือ ทุกๆ ฟังชั่นของการทำงานมันไม่ได้ถูกออกแบบให้รวมอยู่ภายใน IC ตัวเดียวหรืออาจจะสองตัว ตัวอย่างเช่น การทำงานของปุ่ม FLASH ก็เกิดจากวงจรหน่วงเวลาซึ่งออกแบบด้วยอุปกรณ์ Transistor, Resistor และ Capacitor วงจรหนึ่ง ส่วนการทำงานของปุ่ม New Call ก็เกิดจากวงจรหน่วงเวลาอีกวงจรหนึ่ง (แทนที่ค่า Delay time ของ Flash และ New Call ควรจะเกิดจากการทำงานของวงจรภายในตัว Dialer IC เหมือนกับวงจรของโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ของยุคหลังๆ ต่อมา)
แต่ก็ยังดีที่ในส่วนของวงจร Speech network มีการใช้ IC สำเร็จรูป
ความยุ่งยากอีกหย่างของการออกแบบคือ ในการกดเลือกใช้งาน Function หลักๆ อย่างเช่น Speaker phone และการทำ Conference 2 คู่สาย มันถูกออกแบบให้ใช้ Mechanical Switch เป็นตัวตัดต่อสัญญาน ทำให้มีปัญหามากมายในขั้นตอนการผลิตและทดสอบ และยังเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกๆ ของการผลิตที่ใช้แผ่น Bare PCB ที่เป็น 2 Layer และอุปกรณ์ Resistor ขนาดเล็ก 1/8W รวมอุปกรณ์ทั้งหมดบนบอร์ดก็น่าจะเกือบๆ หรือถึงร้อยรายการ (โทรศัพท์ Model พื้นฐานทั่วๆ ไปอุปกรณ์ไม่ค่อยเกินสัก 50 รายการ
ปัญหาใหญ่ของมันคือ ของเสียในไลน์ผลิตเยอะมากกกกกกก มากแค่ไหนนะเหรอครับ คือแต่ละวันเกินกว่า 10% อย่างเช่นวันนึงวางแผนการผลิตไว้ 800 เครื่อง ของเสียก็ปาเข้าไป 80~100 ตัวต่อวัน
แล้วเจ้าโทรศัพท์รุ่นนี้มันเป็นรุ่นที่ซ่อมยากที่สุด สมัยนันผมต้องใช้พนักงานซ่อมเกือบๆ 20 คนได้
อย่างไรก็ตาม งานซ่อมของเสียวันๆ นึงไม่ได้มีแค่โทรศัพท์รุ่นนี้รุ่นเดียว แผนกที่ผมทำงานไม่สามารถซ่อมของเสียในแต่ละวันได้หมดลงไปได้ จนเกิดของเสียสะสมข้ามปีเป็นพันๆ เครื่อง จนล้นโกดังเก็บ จนมีอยู่ปีหนึ่งผู้บริหารตัดสินใจทำลายของเสียจำนวนพันๆ เครื่อง (หลาย Model รวมกัน) ทิ้งไป