จะมีสักกี่คนที่รู้จัก CP/M? ที่ตั้งคำถามแบบนี้ เพราะหลายๆ ครั้งที่คุยเล่นกับเพื่อนๆ น้องๆ หรือคนรู้จักในที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์ หลายๆ ครั้งที่คุยโน่นนี่นั่นไปมา แล้วทำให้ต้องย้อนหลังไปสมัยที่คอมพิวเตอร์ยังใช้ระบบปฏิบัติการที่เป็นระบบ DOS หลายๆ คนบอกว่ารู้จัก รู้จักในที่นี้คือได้ยินผ่านหูแต่แทบจะไม่เคยได้สัมผัสใช้งานมันเลย หาได้น้อยคนที่เคยได้ใช้งานหากจะมีบ้างก็ต้องอายุผ่านหลัก 40 ปีมาเป็นอย่างน้อย
และในจำนวนคนที่บอกว่ารู้จักระบบปฏิบัติการ DOS หากถามต่อไปว่าแล้วรู้จักระบบปฏิบัติการ CP/M หรือไม่? เชื่อหรือไม่ว่าไม่มีสักคนในจำนวนคนทั้งหมดที่ผมถามตอบว่ารู้จักมัน555 + ความหมายก็คืองั้นพวกคนที่ได้รู้จักมันนี่คงจะแก่โคตรอย่างน้อยอายุน่าจะ 50Up
ผมเองเริ่มสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม (2524-2526) แต่ที่ว่าสนใจในตอนนั้น ผมไม่เคยเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์มาก่อนเลยว่าหน้าตาของจริงมันมีลักษณะหน้าตาอย่างไร ไม่ว่าจะในข่าวทีวีหรือหนังละคร (อาจจะมีแต่ผมไม่ผ่านตา) ครั้งแรกที่ได้เห็นคือเห็นจากหน้าปกของหนังสือวารสารที่วางขายตามแผงหนังสือแถวบ้าน ผมจำชื่อหนังสือวารสารนั้นไม่ได้ แต่รับรองว่าไม่ใช่เล่มที่ชื่อ “ไมโครคอมพิวเตอร์” ที่เป็นที่รู้จักและออกตีพิมพ์มาอย่างยาวนานหลายสิบปีจนทุกวันนี้ได้เลิกตีพิพม์ไปแล้ว (เล่มที่ผมหมายถึงเก่าแก่กว่านั้นมาก) ผมก็ซื้อมันมาแล้วก็เปิดอ่านบทความต่างๆ โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักบทความ แต่กลับเป็นหนังสือที่ทำให้ผมหลงไหลและเปิดอ่านเปิดดูผ่านไปมาหลายสิบรอบได้ (หรืออาจจะถึงร้อย) และผมก็ได้ยินคำว่า CP/M จำติดหูผมมาจนถึงทุกวันนี้
CP/M เป็นระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ 8 Bit ที่ใช้กับ CPU 8080/85 หรือ Z80 สมัยก่อน จนพัฒนามาถึงยุค 16 Bit และก็เริ่มโดนระบบปฏิการ DOS เข้ามาแทนที่
จนผมเข้าเรียน ปวช.ช่างอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อปี 2527 ที่วิทยาลัยเทคนิคชานเมืองที่ถือว่ามีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในสมัยนั้น และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตัวเป็นๆ ซึ่งทางวิทยาลัยมีวางอยู่ 2 เครื่องในห้องคอมพิวเตอร์ซึ่งติดแอร์อย่างดี และก็สุดจะดีใจว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งผมคงได้มีโอกาสมานั่งจิ้มนั่งกดไอ้เจ้าของวิเศษสองเครื่องนี้กับเขาบ้าง
แต่ๆๆๆๆๆ เชื่อหรือไม่ว่าเรียนจนจบ 5 ปี (ปวช.+ปวส.) ก็ไม่เคยได้มีโอกาสได้แตะสัมผัสเจ้าเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเลย ทั้งๆ ที่ตอนเรียนอยู่ ปวช. ก็เห็นพวกรุ่นพี่เขาได้นั่งเล่น (เล่นเกมส์แพคแมน55+) และเพื่อนๆ ผมที่เรียนห้องเดียวกันก็ได้นั่งเล่นนั่งจับกันเป็นประจำ แต่กลับไม่ใช่ในวิชาเรียนแต่เป็นเวลานอกเวลาเรียนที่เฉพาะศิษย์โปรดของอาจารย์เท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาเล่นหรือคลุกคลีอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์นี้ได้ ส่วนผมแค่อยากจะเข้าไปดูว่าเขาเล่นอะไรกันเผื่อว่าจะมีโอกาสส้มหล่นได้เล่นกับเขาบ้าง หรือไม่ได้เล่นก็ได้แค่ขอดูก็ยังดี (ช่วงพักกลางวันหรือรอเรียนวิชาอื่นๆ) ก็ยังไม่มีโอกาสเลยครับ จำจนบัดนี้ว่าแค่เปิดประตูห้องยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปก็โดนคนในห้องตะโกนถามแล้วว่า “มาทำไม จะเอาอะไร?” อะไรทำนองนี้ หน้าชาจนสาบานว่าเออกรูไม่เข้าไปก็ได้และไม่เคยที่จะคิดเหยียบเข้าห้องคอมพิวเตอร์ของวิทยาลัยอีกเลย นอกจากจะมีชั่วโมงเรียนที่ต้องเข้าไปใช้ห้อง แต่ผมว่านะตลอดห้าปีที่เรียนผมว่าได้มีโอกาสเข้าไปนั่งเรียนในห้องนั้นไม่น่าจะถึงห้าครั้งหรอกมั๊ง55+
ที่เล่ามาไม่ได้ว่าจะอิจฉาเพื่อนๆ คนอื่นที่เขามีโอกาสเข้าไปขลุกอยู่ในห้องนั้นหรอกนะครับ แต่ประเด็นคือกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าแล้วไอ้ 5 ปีที่เรียนจบมามันไม่มีวิชาไหนเลยหรือที่ทำให้เราต้องได้จิ้มใช้งานเครื่องคอมเหล่านั้นบ้าง (ใช้คำว่าเหล่านั้นผิดไปมั๊ย? เพราะจริงๆ มันมีแค่สองเครื่องทั้งวิทยาลัย55+) ทั้งๆ ที่ตอนเรียนผมต้องทำโครงงานอิเล็กโทรนิกส์และโครงงานของผมต้องมีการออกแบบแผ่นลายลงจร (Printed Circuit Board) และต้องเขียนโปรแกรมภาษาแอสแซมบลี้สำหรับ Z80 CPU ซึ่งต้องใช้คอมพิวเตอร์ แต่ผมก็สามารถทำโครงงานอิเล็กทรอนิกส์สำเร็จมาได้โดยไม่ต้องใช้เจ้าเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเลย (ออกแบบลายวงจรด้วยมือ และเขียนโปรแกรมบนกระดาษแล้วเปิดตารางแปลงเป็น HEX Code ด้วยมือ จนทุกอย่างสมบูรณ์ไม่มีแก้ไขแล้ว จึงค่อยไหว้วานเพื่อนใจดีเอาไปเขียนด้วยคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง ส่วน Hex Code ก็ไม่ต้องบงต้องเบิร์นอีพรอมมันหรอก ผมจับ Single Board ทั้งแผงยัดลงไปในกล่องโปรเจ็คผมเลย55+)
สรุปคือจนแล้วจนรอด ผมก็ไม่เคยได้สัมผัสใช้งานระบบปฏิบัติการ CP/M เลย จำได้แต่ตัวอักษร TEXT บนหน้าจอสีเขียวๆ ที่เห็นเขานั่งจิ้มกันหน้าคอมติดตามาจนทุกวันนี้
จนเมื่อผมเรียนจบ ปวส. และเข้าทำงานในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าถูกโฉลกอะไรกับเลขสองอีกละ ก็ไปเจอว่าในโรงงานก็มีเครื่องคอมพิวเตอร์สองเครื่องวางบนออฟฟิตชั้นสองของโรงงานอีกเช่นกัน แต่หรูหรากว่าเครื่องที่เคยเห็นที่วิทยายาลัยที่เรียนมา ที่ว่าหรูหรากว่าก็เพราะว่าเครื่องที่โรงงานมันมีฮาร์ดดิสอยู่ในเครื่อง จำได้ว่าสมัยนั้นความจุ HDD แค่ 5M Byte เองมั๊งครับ และระบบปฏฺิบัติการตอนนั้นก็เปลี่ยนมาใช้งานเป็น DOS แล้ว (ส่วนเครื่องที่วิทยาลัยที่ผมเรียนไม่มี HDD ภายในเวลาใช้งานจะต้องใช้ช่อง Disk drive ขนาด 5 นิ้ว สองช่องพร้อมกันโดยช่องหนึ่งต้องใส่แผ่นดิสที่เป็น CP/M ไว้ตลอดเวลา และอีกช่องหนึ่งใส่แผ่นดิสสำหรับของผู้ใช้งานที่ไว้เขียนอ่านข้อมูล) และในเครื่องสองเครื่องที่โรงงานมีนั้น มีอยู่เครื่องหนึ่งมันเป็นจอสีอีกด้วย (ช่างวิเศษอะไรปานนี้55+) และเครื่องของโรงงานนั้นมีไว้ให้แผนกบัญชีกับแผนก Engineer ใช้งานเท่านั้นคนอื่นห้ามแตะ และไม่ว่าใครกำลังใช้งานอยู่ก็ตาม เมื่อพี่แผนกบัญชีมาจะใช้เครื่อง คนอื่นๆที่ใช้อยู่ต้องหลีกทางไปเสียให้ไวๆ5+
ผมไม่ได้เป็น Engineer แต่ก็เป็น Technician คนแรกของโรงงานที่จบมาทางด้านอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง (มีช่างสองสามคนที่เข้างานมาก่อนผมแต่จบสาขาอื่นๆ) เวลาว่างๆ ผมมักจะไปยืนดูพี่ๆ บนออฟฟิตเขาใช้งานคอม และเจอพี่ชายใจดีคนหนึ่งที่เขาจบมาทางด้านคอมพิวเตอร์และทำอยู่แผนกบัญชี เขาเห็นผมสนใจและจึงชอบสอนให้ผมใช้โปรแกรมพวก Lotus 123 (สมัยนี้ก็คือพวก Excel และโปรแกรมกลุ่ม Office อื่นๆ) และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับเครื่องคอมพิวเตอร์และเรียนรู้การใช้งานของมันอย่างจริงจังเมื่อได้มาทำงานจริง