เนื่องจากห้าหกปีที่ผ่านมาที่เกิดปัญหาการระบาดของโควิด ทำให้หน้ากากป้องกันเป็นของใช้ใกล้ตัวสำหรับเราๆ ทุกคน ถึงแม้ว่าจะผ่านเหตุการโควิดที่หนักหนามาแล้ว แต่สำหรับบ้านเราก็ยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นควัน PM2.5 ให้เป็นที่วิตกกันอยู่เป็นเรื่อยมา หน้ากากป้องกันเลยยังมีความสำคัญแทบจะไม่ต่างอะไรกับกระดาษทิชชู่ที่ต้องมีติดตัว หรือหยิบหาได้ทุกเวลาเมื่อต้องการ
แต่เมื่อนึกถึงคำว่าหน้ากากป้องกันทั้งหลายทั้งมวลนั้นมันมีมากมาย (อาจเป็นร้อยชนิด) อยู่ที่ว่าเราจะแบ่งตามเกณฑ์อะไร เช่นแบ่งตามรูปทรง (รูปทรง 3 จีบ, ทรงปลา, ทรงถ้วย) แบ่งตามชนิดของวัสดุ (แบบแข็งฉีดขึ้นรูปด้วยพลาสติก หรือแบบอ่อนที่ทำด้วยผ้าหรือใยสังเคราะห์) แบบใช้ได้ครั้งเดียวหรือใช้ซ้ำได้ หรือแบ่งตามจุดประสงค์การป้องกัน (ป้องกันฝุ่น, ป้องกันสารเคมีต่างๆ) หรือแบ่งตามมาตรฐานที่ผ่านการรับรอง ไม่ว่าจะเป็นการรับรองของหน่วยงานภายในประเทศ หรือของต่างประเทศ เป็นต้น
หน่วยงานที่ให้การรับรองมาตรฐานในบ้านเรามีสองหน่วยงานคือ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ (อย.)
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหน้ากากป้องกันทุกตัวที่มีวางขายในท้องตลาดจะต้องขอการรับรองมาตรฐานจากทั้ง 2 หน่วยงาน อาจจะเพราะผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์เขาไม่ต้องการจะขอ หรือถ้าจะขอผ่านการรับรองก็อาจจะไม่ผ่านด้วยเหตุผลต่างกันไป (ยกตัวอย่างเช่น การใช้วัสดุที่ไม่ใช่สปันบอนด์และเมลโบลน จะไม่สามารถผ่านข้อกำหนดของ อย. และก็อาจจะไม่ทำให้ผ่านการทดสอบทางด้านเทคนิคด้วย)
ดังนั้นหากหน้ากากป้องกันของแบรนด์ใดก็ตามที่ไม่ขอผ่านการรับรองมาตรฐาน เขาก็จะถูกห้ามไม่ให้บรรยายสรรพคุณบางอย่างได้เช่น ห้ามชี้บ่งบนบรรจุภัณฑ์ (กล่อง/ซอง) ว่าเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ แต่ให้ใช้คำโฆษณาได้แค่เพียงว่าหน้ากากป้องกันฝุ่น เป็นต้น
ดังนั้นหมายความว่าหากผู้ซื้อเห็นหน้ากากป้องกันที่วางขายทั่วไปตามท้องตลาด ผู้ซื้อต้องพิจารณาว่าตัวเองกำลังมองหาหน้ากากที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพ (และมักระบุบนกล่องหรือซองบรรจุว่าเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และมีเลขมาตรฐานจากหน่วยงานที่ให้การรับรองกำกับไว้)
แต่แม้ว่าผู้ซื้อเห็นบรรจุภัณฑ์ของบางแบรนด์ที่ไม่มีการติดเครื่องหมายการรับรองมาตรฐาน นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสินค้าของแบรนด์นั้นๆ จะไม่มีคุณภาพก็ได้ เขาอาจจะมีคุณภาพแต่ด้วยไม่ต้องการขอการรับรองมาตรฐานด้วยเพราะเหตุผลต่างๆ และยอมทีจะปฏิบัติตามข้อกำหนดที่จะไม่ใช้คำโฆษณาบางคำที่ห้าม แต่การไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานก็เป็นไปได้ว่าหน้ากากของบางผู้ผลิตและจำหน่ายบางเจ้าอาจจะไม่มีคุณภาพจริงๆ ก็เป็นได้ ผู้ซื้อต้องพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์นั้นๆ เป็นสำคัญ