ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ผมเป็น Technician ประจำแผนก Truoble Shooting (ช่างซ่อมแผงวงจร) เริ่มรู้จักคำว่า BOI จากพนักงานในออฟฟิต ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่จะมีการนำเข้าเครื่องจักรหรือเครื่องวัดทดสอบต่างๆ เข้ามาจากต่างประเทศ หรือเมื่อใดก็ตามที่จะมีการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พาร์ทรายการใหม่ๆ เข้ามาจากต่างประเทศ จะมีพนักงานในออฟฟิต มาถามว่าพวกอุปกรณ์หรือเครื่องมือจักร/เครื่องมือเหล่านั้นเอาเข้ามาเพื่อใช้ทำอะไร?

ด้วยเพราะผมเป็น Technician คนเดียวที่เรียนจบอิเล็กทรอนิกส์ ณ ตอนนั้น ผมจึงรู้จักอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แทบทุกรายการ และเข้าใจการทำงานงานของเครื่องจักรและเครื่องมือทุกรายการ จึงสามารถตอบคำถามเจ้าหน้าที่ในออฟฟิตที่มาถามได้หมด พอหลังๆ จากที่แค่เพียงมาถามก็เอาแบบฟอร์มมาให้กรอกอธิบายเองด้วยเลย (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเรียกว่า Usage form) และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเข้าไปพัวพันกับงานบีโอไอ โดยก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านั้น
จนเมื่อวันเวลาผ่านไปกว่าสิบปี ได้เกิดปัญหากับบริษัท คือบริษัทไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาทำการผลิตสินค้าได้เนื่องจากโควต้าวัตถุดิบหลายๆ รายการเป็นศูนย์ เป็นเพราะบริษัทดำเนินงานมากว่าสิบปี แต่ไม่เคยขอคืนโควต้าวัตถุดิบที่เป็นส่วนสูญเสียเลย (ตอนนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เพราะไม่ใช่งานความรับผิดชอบของผม)
แล้วส่วนสูญเสียวัตถุดิบเหล่านั้นหายไปไหน? มันไม่ได้หายไปไหน มันคืองาน Scrap ที่นำไปกองทิ้งอยู่หลังโรงงานสูงท่วมหัวเป็นภูเขาขนาดย่อม เน่าแฟะเพราะตากแดดตากฝนมากว่าสิบปี น้ำสนิมที่เกิดจากลายทองแดงของแผงวงจรไหลเยิ้มไปทั่ว
งานใหญ่เข้ามาที่ตัวผม โดยผู้บริหารสั่งให้ผมเป็นหัวหน้าทีมทำการแยกกองขยะเหล่านั้นเพื่อหาว่าชิ้นส่วนแผงวงจรต่างๆ นั้นประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อะไรบ้าง เพื่อนำไปคำนวนกลับออกมาให้ได้ว่ามันประกอบไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนกี่ชนิดกี่รายการและแต่ละรายการมีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อทำรายงานส่งให้เจ้าหน้าที่บีโอไอตรวจสอบและอนุมัติเพื่อจะได้ขอคืนวัตถุดิบส่วนสูญเสียนั้นกลับเข้าสู่โควต้า จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมเข้าใจเรื่องระบบโควต้าเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง
จนวันหนึ่งที่ผมได้เปลี่ยนงาน (หลังจากทำที่เดิมยาวมา 15 ปี) แต่ผมก็ยังต้องวนเวียนเดินเข้าออกที่บริษัทเดิมอยู่ และผมได้ถูกไหว้วานจากเจ้านายเก่าที่นั่นให้เขียนโครงการขอบัตรส่งเสริมบีโอไอให้กับโรงานฉีดพลาสติกแห่งหนึ่งที่จะมาเปิดโรงงานที่แหลมฉบัง และงานนี้แหละคืองานแรกที่ผมต้องเข้าไปศึกษาขั้นตอนของบีโอไออย่างจริงจัง และก็เขียนโครงการให้กับบริษัทเกาหลี และก็โชคดีที่งานแรกของผมผ่านการพิจารณาโดยไม่ติดปัญหาใดๆ ให้ต้องถูกตีกลับมาแก้ไขเลย (หรือว่าฟลุ๊คก็ได้มั๊ง5+)
หลังจากงานนั้นก็ได้เขียนโครงการให้กับอีกบริษัทหนึ่ง แต่ไม่ผ่านการพิจารณา เพราะลักษณะงานของบริษัทนั้นไม่ได้มีการลงทุนด้านเครื่องจักรมากพอ เน้นที่การใช้แรงงานคนเป็นหลัก (Sub contractor)
จนผ่านมาอีกกว่าสิบปีได้ ต้องมาเขียนโครงการให้กับบริษัทเกาหลีอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งความยากของมันคือการไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้เป็นงานประจำ ก็ต้องรื้อฟื้นและเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด และที่ยากก็ตรงที่ว่าหลังจากได้บัตรส่งเสริมแล้ว งานหลังบัตรซึ่งเป็นงาน routine ที่บริษัทควรจะรับพนักงานเข้ามาทำ และผมก็ไม่เคยทำงานหลังบัตร ผมต้องทำเองหมดทุกขั้นตอนทั้งเรื่อง Work permit, Machine และ Materials แต่ก็ทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมา จนเมื่อบริษัทดำเนินการไปได้สักระยะหนึ่ง ผมจึงทำการรับพนักงานเข้ามาทำหน้าที่งานหลังบัตรแทน (ผมเป็นทั้งฝ่ายบุคคลของโรงงานเองด้วย)
ยังๆ ยังไม่จบไว้ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังต่อครับ…